ในยุคที่หุ่นยนต์และ AI กำลังจะเข้ามาทำงานแทนคน ทักษะด้านสังคม หรือ “Soft Skills” เช่น การใช้ภาษา การติดต่อสื่อสาร ความเป็นมิตร การมองโลกในแง่ดี การแสดงออกทางสังคม บุคลิก ฯลฯ เป็นทักษะที่สำคัญ เพราะหุ่นยนต์ใช้ทักษะนี้ไม่ได้อยู่แล้ว แน่นอนว่า นายจ้างหรืององค์กรปัจจุบันก็ยังให้ความสำคัญของทักษะด้านวิชาการ ความรู้ความสามารถ เพื่อทำงานให้บรรลุเป้าหมาย แต่สิ่งที่จะช่วยเสริมให้พนักงานมีความโดดเด่น คือ ทักษะด้านสังคม
ทำให้หลายคนหันมาพัฒนาทักษะเฉพาะทางเพื่อแข่งขันกับ AI เพราะกลัวว่า AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในวันข้างหน้า แต่ในปัจจุบัน AI ยังมีช่องโหว่หลายอย่างที่ไม่สามารถทำได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากำลังแข่งขันอยู่นั้นไม่ใช่ AI แต่เป็นมนุษย์ด้วยกันต่างหาก การพัฒนา Soft Skills จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นเพื่อให้เราได้พื้นที่และโอกาสที่มากกว่าในอนาคต
ทักษะแบบ Soft skills ที่เราควรมีในองค์กรปัจจุบัน มีทักษะอะไรบ้างมาดูกัน !
1. ครีเอทีฟ และความคิดสร้างสรรค์ องค์กรมักมองหาทาเลนท์หรือพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์มาเป็นอันดับต้น ๆ ของลิสต์ผู้สมัครงานที่ต้องมี “Soft Skills” แน่นอนว่า หุ่นยนต์และ AI อาจจะแต่งเพลงหรือเขียนนิยายได้ในระดับหนึ่ง แต่หากต้องใช้ภาษาที่ลึกซึ้ง พล็อตเรื่องที่ไม่ซ้ำใคร และคีย์โน้ตที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟังที่มีเนื้อหนังมังสาอย่างมนุษย์ หุ่นยนต์และ AI ทำไม่ได้แน่นอน
2. โน้มน้าวจูงใจ ทักษะในการโน้มน้าวและจูงใจเป็นอีกทักษะสำคัญกับหลายงานในออฟฟิศ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือพนักงานขาย พนักงานให้บริการลูกค้า และตำแหน่งอื่นที่ต้องประสานงานกับคน ตำแหน่งเหล่านี้ ถ้าพนักงานไม่เก่งเรื่องโน้มน้าวและจูงใจคน จะส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัท ไปจนถึงรายได้ของบริษัท
แม้หุ่นยนต์และ AI จะเก่งงาน Hard Skills กว่ามนุษย์ แต่พอมาถึงเหตุการณ์ที่ต้องโต้แย้ง เล่าเรื่องราวต่าง ๆ อยากออกรสออกชาติ และอธิบายสถิติที่มีแต่ตัวเลขให้คนที่ไม่เก่งเลขได้เห็นภาพ ก็คงหนีไม่พ้นงานมนุษย์ที่เก่งเรื่องโน้มน้าวและจูงใจคนอยู่ดี
3. การเป็นผู้นำ เป็นอีกหนึ่ง Soft Skill ยอดฮิตตลอดกาล เพราะเป็นความสามารถที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญในการนำทีมให้ทำงานไปในทิศทางที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยที่ยังทำให้ทีมมีความเต็มใจที่จะร่วมกันทำงานให้ประสบความสำเร็จ
4. การทำงานร่วมกับผู้อื่น คือความสามารถในการทำงานเป็นทีม พร้อมรับมุมมองและความคิดเห็นที่หลากหลายจากผู้อื่น สามารถช่วยกันคิดวิเคราะห์ และลงมือทำตามความถนัดของแต่ละคน เพื่อบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ทักษะในการปรับตัวและยืดหยุ่น คือ การมี Mindset ที่ยืดหยุ่น พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่แทบจะตลอดเวลา
6. การปรับตัว ในโลกธุรกิจทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และหนึ่งในทักษะที่จะทำให้การทำงานของพนักงานในแต่ละที่มั่นคงคือทักษะการปรับตัว และนอกจากทักษะความสามารถของการทำงานร่วมกันผู้คนอื่นในออฟฟิศได้ ยังหมายรวมถึงการยิ้มรับและโอบกอดความเปลี่ยนแปลงในแง่ของธุรกิจ ดีมานด์ในตลาดมีขึ้นมีลง ลูกค้ารักหรืออาจจะไม่ชอบสินค้าของคุณ พนักงานเข้ามาเริ่มงานได้ไม่นานก็ลาออก เป็นต้น ในโลกธุรกิจอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ต้องปรับตัวตามให้ทัน
7. บริหารจัดการเวลา ทักษะหนึ่งที่องค์กรต้องการเสมอและเป็นทักษะที่สำคัญตลอดกาล คือ ทักษะในการจัดการเวลา เพราะทุกคนมีเวลาทำงานเท่ากัน และเวลาก็ยังคงเป็นวินาที นาทีและชั่วโมง เป็นวัน และปี และไม่มีเปลี่ยนแปลง ทักษะในการจัดสรรเวลาต่อวินาที ต่อนาที หรือไม่ว่าจะต่อชั่วโมง แสดงให้เห็นว่า พนักงานใส่ใจและลงแรงให้นายจ้างอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าบางครั้งนายจ้างอาจไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งกับทักษะการจัดการเวลาอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นจะทำให้พนักงานรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานเสร็จทันตามกำหนดและสร้างอิมแพ็คที่ดีให้กับนายจ้างในอนาคต
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เทคโนโลยีล้ำหน้ามนุษย์ แต่เรากลับไม่มีทักษะความสามารถด้าน Soft Skills ติดตัว คุณค่าและความสำคัญเราในตำแหน่งงานนั้น ๆ ก็จะหมดไปในที่สุด ดังนั้น เราต้องให้ AI ช่วยเราทำงาน ไม่ใช่ให้ทำงานแทนเรา
อ้างอิงข้อมูลประกอบ
inc-asean.com, marketingoops.com, blockdit.com, cariber.co